กรรมฐาน ๑๖


วิทยากร สอนนั่งกรรมฐาน ตามสถานที่ต่างๆ
กรรมฐาน ๑๖ หรือ อธิฐาน ๑๖  
ความจริงในจิต
พิชิต....ทุกข์....ทั้งปวง.... โดย..พระบิดา โอม ฟ้า พระเจ้า กรรม นำ....ให้ ( ข้อ ๑ ๑๖ )
๑.  นำ”สร้าง” ให้ ” มีชีวิตอยู่ เพื่อรู้บุญ รู้บาป ” เป็นธรรม เป็นบุญอย่างยิ่งที่ได้เกิดมาเป็นคน แม้ชีวิตจะเลวร้ายอย่างไร ก็ยังมีโอกาสได้สำนึกถึงบุญ บาป อันเป็นวัตถุประสงค์สิ่งแรกที่คนเราพึ่งกระทำอย่างยิ่ง “
๒.  นำ “ รักษา เพียรค้นหา “ ให้ “ ชีวิตที่เป็นสุข “ เป็นธรรม ตลอดเวลาที่เป็นคน ได้มี โอม ฟ้า พระเจ้า กรรม นำรักษาทุกคน แม้ในชีวิตสัตว์ก็มี พระเยซูตรัสว่า “ เราอยู่หน้าบ้านของท่านทุกวัน เรียกเราเข้าไปรับประทานอาหารด้วยสิ “ และฟ้าบอกเสมอว่า “ ชีวิตของคนทุกคน อยู่ในสายตาของฟ้าตลอดเวลา “
แสวงบุญที่อินเดียสี่ครั้ง ญี่ปุ่นหนึ่งครั้ง
๓.  นำ “ ทำลายล้าง “ ให้ “ สร้างชีวิตใหม่ โดยใช้การลงโทษ “ เป็นธรรม บุคคลใดไม่สำนึกถึงอะไรเป็นบาป บุญ เท่ากับลืมหน้าที่ของความเป็นคน ก็จะเกิดการลงโทษ ทำลายล้างเสมอ เพียงแต่ว่า ขณะที่รับการลงโทษและทำลายล้าง บุคคลนั้นมีจิตสำนึกแค่ไหน อย่างไร และเป็นการทำลายล้างบาปของเราด้วย
แสวงบุญที่ยอดเขาหิมาลัย อันศักดิ์สิทธิ์ ของทุกศาสนา  

ทะเลทราย ใกล้ยอดเขาหิมาลัย
๔.  นำ “ ไถ่บาปหมดไป “ ให้ “ เข้าใจเรื่องของชีวิต “ เป็นธรรม เรื่องนี้สำคัญมาก เท่ากับการใช้หนี้กรรมที่เคยสร้างไว้ เป็นหลักการของทุกศาสนา และเมื่อใช้หนี้โดยมีสติและมีกรรมเป็นตัวนำ ก็จะทำให้เราเข้าถึงพระศาสนาใดๆ อีกด้วย อีกประการหนึ่ง เราสามารถไถ่บาปแทนกันได้หากมีบุญและมีพลังจิตเพียงพอ แต่จะช่วยได้ไม่เกินครึ่ง พระเยซูเองก็ทรงไถ่บาปให้แก่คริสเตียนชนทั่วโลก
๕.  นำ “ จิต บริสุทธิ์ มีกันทุกคน “ ให้ “ ค้นหา ให้ได้ “ เป็นธรรม จิตบริสุทธิ์นี้ตามเรามาหลายภพหลายชาติแล้ว โดยมี โอม ฟ้า พระเจ้า กรรม มอบให้ทุกคน แม้แต่สัตว์ก็ได้มอบให้ เมื่อเราปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ ก็จะได้สภาพจิตบริสุทธิ์นี้แน่นอน
๖.  นำ “ ความรักตน อยู่ในผู้ใด “ ให้ “ ยิ่งใหญ่ เท่าพระเจ้ารักผู้นั้น “ เป็นธรรม พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ ไม่มีรักใดจะยิ่งใหญ่เท่ากับตนรักตน “ ในศาสนาคริสต์คัมภีร์บอกไว้ว่า “ ไม่มีรักใดจะยิ่งใหญ่เท่ากับพระเจ้ารักเรา “ และแน่นอน เมื่อเรารักตน ย่อมไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตนและพระเจ้าก็ไม่ให้เราเดือดร้อนด้วยเช่นกัน นอกจากตัวเราจะไม่เชื่อคำสั่งสอนเท่านั้น
๗.  นำ “ ทุกอย่างที่ได้ ควรได้ ที่ควรมี จะมี ที่ควารเป็น จะเป็น “ เป็นธรรม พระเจ้าเป็นทุกอย่าง ธรรมเป็นทุกอย่าง เข้าถึงพระเจ้า ธรรมทุกอย่างที่ควรได้..จะได้ ทุกอย่างที่ควรจะมี..จะมี ทุกอย่างที่ควรเป็น..จะเป็น เพราะทุกอย่างรอเราอยู่ก่อนแล้ว
๘.  นำ “ ปัจจุบันเป็นอย่างไร อดีต อนาคตก็เป็นเช่นนั้น “ เป็นธรรม - การไม่ล่วงคิดถึงอดีตที่ผ่านไปแล้ว และไม่คิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง มอบความไว้วางใจให้กับความดีที่ทำไว้ หรือโอม ฟ้า พระเจ้า กรรม ชีวิตย่อมเป็นสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้ทำดีต่อคนใกล้ชิด ทุกเวลาสถานการณ์ใดๆ ให้มากที่สุด แม้กระทั้ง เขาตบตีเรา ข่มเหงน้ำใจเรา สามีภรรยาคู่ใด อยู่กันจนตาย พระเจ้าตรัสว่า จะให้รางวัลและจะให้มาอยู่ใกล้ชิดเราด้วย

 เมื่อเรากราบไหว้พระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ท่านจะถามว่า กราบไหว้พระอรหันต์ที่บ้านแล้วหรือยัง เพราะการเห็นธรรม การบรรลุธรรม จะได้จากคนใกล้ชิดที่สุดของเรา หรือคู่กรรมที่แท้จริงของเรา ซึ่งอยู่ในชีวิตประจำวัน นั่นเอง ดังนั้น จงทำดีกับทุกคนในบ้าน เพื่อนบ้าน แม้กระทั่งหมา แมว
สอนกรรมฐานที่บ้านทุกวัน พ.ศ. ๒๕๑๘ - ๒๕๔๕
๙.  นำ “ ความสุขมีอยู่แล้วที่ใจ มิใช่ที่จิต ( จิตเป็นส่วนมีกิเลส มีกรรม ไปสู่วิบาก “ เป็นธรรม เป็นความสุขภายในที่มีอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่ว่าเรามีวิธีการใดๆ ที่จะได้มา หากทำเช่นนี้จะเป็นการลงทุนที่น้อยแต่จะได้ผลลัพท์สูง
๑๐.  นำ “ กรรมชีวิต มันเป็ผล ทนชดใช้ ใช่เป็นเหตุ “ เป็นธรรม บังเอิญไม่มีในศาสนาพุทธ ทุกอย่างเกิดขึ้นจากผลกรรมเก่า ทุกอย่างที่เราได้รับเป็นผลไม่ใช่เหตุ ซึ่งตามมาในรูปของพลังงาน กรรมในกาย จิต ของเรา เพียงแต่รอกำลัง เวลา สถานะการณ์ ครบถ้วน จึงให้เกิดผลทั้งรูปธรรม นามธรรม เพราะฉะนั้นเราทำโปรแกรมจิตนี้แล้ว จะเปลี่ยนที่นามทำก่อน ( ความคิด ) ความรู้สึกเก่าๆ ต่างๆ จากนั้นรูปธรรม ( พฤติกรรมเก่าๆ ต่างๆ ) ก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย ในศาสนาคริสต์ “ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า “ ในศาสนาอิสลามกล่าวว่า “ เจ้าไม่มีสิทธิตัดสินว่าเขาผิดหรือถูกประการใด เพราะเป็นหน้าที่ของเรา อัลเลาะห์เท่านั้น หากเจ้าทำเช่นนั้น ถือว่าล้ำหน้าเรา เราจะลงโทษเจ้า “ คิดได้..เข้าใจได้..เช่นนี้ ชีวิตเป็นสุขแน่นอน
๑๑. นำ “ โลกยุคใหม่มีแต่ความสุข สนุกสนาน “ ให้ “ ไปถึงนิพพาน เมื่อหมดกรรม “ เป็นธรรม  - คนมีบุญ คนสร้างบุญ เท่านั้นจะเข้าถึง บัดนี้ใกล้เวลาเต็มที่แล้ว เรียกโลกศาสนาพระศรีอริยะเมตตรัย ผู้คนจะมีกิเลสเพียงหนึ่งในสี่ ชีวิตมีแต่ความสนุกสนาน มีญานหยั่งรู้ทุกคน และไม่ทะเลาะวิวาทกันเลย จะมีอายุยืนยาว เพราะมีเจ้ากรรมนายเวรฝ่ายดีมาอาศัยร่างของเราสืบต่ออายุ เพื่อใช้กรรมที่เหลืออยู่ หมดกรรมแล้วไปนิพพาน อมตะนคร ชีวิตนิรันดรกันทุกคน ส่วนจิตวิญาณฝ่ายชั่วไปตกนรกนิรันดรเช่นกัน
๑๒.  นำ “ อารมณ์เป็นกลาง “ ให้ “ ความว่างตามมา “ เป็นธรรม การไม่ปรุงแต่งใน เหตุ..ผล ชั่ว..ดี บาป..บุญ สุข..ทุกข์ นั่นคือความว่าง ลิ้นของงู ไม่เคยถูกงูกัด ฉันใดก็ฉันนั่น การหนีทุกข์ แสวงหาสุข ยิ่งเพิ่มทุกข์ แต่ถ้าอยู่เหนือทุกอย่าง ชีวิตก็เป็นสุขอย่างยิ่งแน่นอน
๑๓.นำ “ ความเป็นกลางในอารมณ์ “ ให้ “ ความหลุดพ้นตามมา “ เป็นธรรม เมื่อมีความว่าง ความหลุดพ้นก็ตามมา พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ก่อนจะเสด็จปรินิพพานความว่า “ สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ “ “ ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น “
๑๔.นำ “ ความจริงให้ครบทุกอย่าง “ ให้ “ ความเบิกบานตามมา “ เป็นธรรม ความจริง ความดี ความงาม ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ตัวอย่าง จริง ดี แต่ไม่งาม ( ไม่เหมาะสม )  .. จริง ไม่ดี แต่งาม .. ไม่จริง แต่ดี แต่งาม ..และหากมีครบ ก็ต้องมีเสมอกันทั้งรูปธรรม นามธรรม
๑๕.นำ “ ความรู้ตื่น เบิกบานได้ครบทุกอย่าง “ ให้ “ พระนิพพานถามหา “ เป็นธรรม มีการรู้เรื่องความจริงแท้ของชีวิต การรู้อย่างเดียวไม่พอ ต้องตื่นด้วย และทั้งกาย จิต ก็เบิกบานภายในทั้งสิ้น
๑๖.นำ “ ชีวิตนิรันคร์อยู่ในสี่เมืองแก้ว “ ให้ “ ไปถึงแล้วไม่มีวันกลับมา “ เป็นอมตะธรรม มีความรู้สึกว่ามี พระเจ้าหรือฟ้าหรือโอม หรือพุทธะ หรือเต๋า หรือจิตเดิมแท้ หรือความดีสูงสุดในจิต หรือความดีสูงสุด และจะได้เข้าไปอยู่กับพระเจ้า พ่อเกิด แม่เกิด ที่เราจากมากี่ภพกี่ชาติแล้วนับไม่ถ้วน เป็นแดนบรมสุขยิ่งกว่าโลกแห่งพระศรีอารีย์เป็นไหนๆ เป็นธรรมชาติอันสูงสุดดุจเป็นเมืองแก้ว เมื่ถึงแล้ว ไม่มีวันกลับมา
อาจารย์ราฆพ  สุทธจิต
081-881-2114
 “ ชีวิต ก่อน-หลัง ฝึก ๑๖ ความจริงในจิต “